เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง: เรื่องง่ายๆ ที่คนรักรถต้องรู้!

หัวข้อแนะนำ

เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง: เรื่องง่ายๆ ที่คนรักรถต้องรู้!

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว RacingClub ทุกท่าน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับรถของเรา นั่นก็คือเรื่องของการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง นั่นเองครับ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องจุกจิกน่าเบื่อ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลรักษารถเลยนะครับ เพราะถ้าเราไม่ใส่ใจเรื่องนี้ เครื่องยนต์สุดรักของเราอาจจะพังก่อนวัยอันควรได้เลย

ทำไมต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง?

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมเราถึงต้อง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กันอยู่เรื่อยๆ น้ำมันเครื่องไม่ได้มีหน้าที่แค่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์เท่านั้นนะครับ แต่มันยังช่วย:

  • ลดการเสียดสี: ช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์
  • ระบายความร้อน: ช่วยลดอุณหภูมิของเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ชะล้างสิ่งสกปรก: ช่วยดักจับเศษโลหะเล็กๆ และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เกิดจากการทำงานของเครื่องยนต์
  • ป้องกันสนิม: ช่วยเคลือบผิวโลหะ ป้องกันการเกิดสนิม

เมื่อเราใช้งานรถไปเรื่อยๆ น้ำมันเครื่องก็จะเสื่อมสภาพลง ประสิทธิภาพในการทำงานก็จะลดลงตามไปด้วย ถ้าเราปล่อยทิ้งไว้นานๆ สิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในน้ำมันเครื่องก็จะเริ่มกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ ทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ครับ

จะรู้ได้ยังไงว่าถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว?

โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลา เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ได้ดังนี้:

  • ระยะทาง: โดยปกติแล้ว เราควร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันเครื่องและลักษณะการใช้งานรถ
  • ระยะเวลา: ถึงแม้จะยังวิ่งไม่ถึงระยะทางที่กำหนด แต่ถ้าทิ้งไว้นานเกิน 6 เดือน – 1 ปี ก็ควร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เช่นกัน เพราะน้ำมันเครื่องอาจเสื่อมสภาพได้
  • สีของน้ำมันเครื่อง: ลองดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาดู ถ้าสีของน้ำมันเครื่องดำและข้นหนืด แสดงว่าถึงเวลา เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แล้ว
  • ไฟเตือนบนหน้าปัด: รถบางรุ่นจะมีไฟเตือนเมื่อถึงเวลา เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
  • เสียงเครื่องยนต์: ถ้าเครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติ หรือรู้สึกว่าเครื่องยนต์ทำงานไม่ราบรื่น ก็อาจเป็นสัญญาณว่าน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพแล้ว

เลือกน้ำมันเครื่องแบบไหนดี?

การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับรถของเราเป็นเรื่องสำคัญมากๆ นะครับ เพราะน้ำมันเครื่องแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เราควรเลือกน้ำมันเครื่องที่:

  • มีค่าความหนืด (Viscosity) ที่เหมาะสม: ค่าความหนืดจะระบุด้วยตัวเลข เช่น 10W-40 หรือ 5W-30 ซึ่งเราสามารถดูค่าความหนืดที่เหมาะสมกับรถของเราได้จากคู่มือการใช้งานรถ
  • มีมาตรฐาน API และ ACEA ที่ตรงตามข้อกำหนด: มาตรฐานเหล่านี้จะระบุคุณภาพของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเราควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีมาตรฐานตรงตามที่ผู้ผลิตรถกำหนด
  • เป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% หรือน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์: น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีคุณภาพที่ดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า

ตารางเปรียบเทียบชนิดของน้ำมันเครื่อง

ชนิดของน้ำมันเครื่อง ข้อดี ข้อเสีย อายุการใช้งานโดยประมาณ
น้ำมันเครื่องธรรมดา (Mineral Oil) ราคาถูก คุณภาพต่ำ, อายุการใช้งานสั้น 5,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic Oil) ราคาปานกลาง, คุณภาพดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา คุณภาพด้อยกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 7,000 – 8,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% (Full Synthetic Oil) คุณภาพดีที่สุด, อายุการใช้งานยาวนาน, ปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีเยี่ยม ราคาสูง 10,000 กิโลเมตรขึ้นไป

ขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง (แบบง่ายๆ)

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากลอง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ด้วยตัวเอง ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้ครับ (แต่ถ้าไม่มั่นใจ แนะนำให้ไปที่อู่หรือศูนย์บริการนะครับ):

  1. เตรียมอุปกรณ์: น้ำมันเครื่องใหม่, ไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่, ประแจ, ถังรองน้ำมันเครื่องเก่า, ผ้าเช็ดทำความสะอาด, ถุงมือ
  2. วอร์มเครื่องยนต์: สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนได้ดี
  3. ยกรถขึ้น: ใช้แม่แรงยกรถขึ้น แล้วใช้ขาตั้งรองรับให้มั่นคง
  4. เปิดน็อตถ่ายน้ำมันเครื่อง: คลายน็อตถ่ายน้ำมันเครื่องใต้ท้องรถ แล้วรองน้ำมันเครื่องเก่าลงในถัง
  5. เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง: คลายน็อตยึดไส้กรองน้ำมันเครื่องเก่าออก แล้วใส่ไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่เข้าไป (อย่าลืมทาน้ำมันเครื่องที่โอริงของไส้กรองใหม่ด้วยนะครับ)
  6. ขันน็อตถ่ายน้ำมันเครื่องกลับ: ขันน็อตถ่ายน้ำมันเครื่องกลับเข้าไปให้แน่น
  7. เติมน้ำมันเครื่องใหม่: เติมน้ำมันเครื่องใหม่ลงไปในเครื่องยนต์ โดยเติมให้ได้ระดับตามที่กำหนดในคู่มือการใช้งานรถ
  8. ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง: ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาเช็คระดับให้แน่ใจว่าอยู่ในช่วงที่กำหนด
  9. สตาร์ทเครื่องยนต์: สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วดับเครื่องยนต์ จากนั้นตรวจเช็คหารอยรั่วซึม
  10. ทิ้งน้ำมันเครื่องเก่าอย่างถูกวิธี: นำน้ำมันเครื่องเก่าไปทิ้งในจุดรับทิ้งน้ำมันเครื่องที่ถูกต้อง เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

ข้อควรระวังในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

  • ระมัดระวังเรื่องความร้อน เพราะเครื่องยนต์และน้ำมันเครื่องอาจจะร้อนจัด
  • ขันน็อตต่างๆ ให้แน่นพอดี ไม่แน่นหรือหลวมจนเกินไป
  • ตรวจสอบหารอยรั่วซึมหลังจาก เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เสร็จแล้ว
  • ทิ้งน้ำมันเครื่องเก่าอย่างถูกวิธี เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

สรุป

เห็นไหมครับว่าการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่เราใส่ใจและทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ก็สามารถดูแลรักษารถของเราให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นได้แล้วครับ อย่าลืม เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตามระยะเวลาที่กำหนดนะครับ เพื่อให้เครื่องยนต์สุดรักของเราอยู่กับเราไปนานๆ

สำหรับใครที่อยากดูวิธีการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แบบละเอียด ลองดูวิดีโอจาก YouTube ได้เลยครับ

แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะครับ! บ๊ายบาย!

คำนวณงวดรถ

คำนวณค่างวดรถ

ค่าผ่อนรถโดยประมาณ

0.00

บาท/เดือน

Youtube Cannel

Facebook Fanpage

Scroll to Top